เรื่องเล่าจากเบลเยียม 44 : รถม้าบ้านเขากับช้างเร่ร่อนบ้านเรา
โดย นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ
การนั่งรถชมเมืองแอนเวิร์ปนั้น ที่ไม่ใช่รถรางหรือเดินเท้า ก็มีรถบัสสองชั้นเปิดหลังคาแบบที่เป็นสัญลักษณ์ของลอนดอน ประเทศอังกฤษ แต่ดูไม่เป็นที่นิยมมากนัก ส่วนใหญ่ผู้คนจะเดินเท้าชมเมืองมากกว่า แต่อีกวิธีที่ดูจะได้รับความสนใจเช่นกันคือการนั่งรถม้าชมเมือง ม้ายุโรปตัวใหญ่ อ้วน แข็งแรง ขนดกเงาเป็นมัน และที่สำคัญเนื่องจากม้าจะถ่ายมูลตอนไหนไม่มีใครรู้ และคนขี่ม้าคงไม่สะดวกในการลงไปเก็บ จึงได้มีการทำเป็นตาข่ายละเอียดสีดำรอรับไว้ตรงใต้ท้องรถม้าด้วย ส่วนนั่งไปแล้วคนนั่งจะได้กลิ่นบ้างหรือไม่ อันนี้ผมเองก็ไม่ทราบได้ เพราะค่านั่งรถม้านั้นคงแพงทีเดียว
อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นหัวใจของความมีชีวิตชีวาของเมือง เพราะภาคอุตสาหกรรมทั้งเล็กใหญ่และร้านค้าปลีกค้าส่งขนาดใหญ่นั้นอยู่นอกเมืองทั้งหมด อู่ซ่อมรถ เคาะพ่นสี โรงกลึงเชื่อมทำงานโลหะ หรือร้านขายวัสดุก่อสร้าง ไม่มีปรากฏให้เห็นในย่านใจกลางเมือง การติดต่อราชการหรือธุรกรรมเกือบทั้งหมดกับเอกชนก็สามารถทำผ่านอินเตอร์เน็ต ในเมืองจึงหนักไปทางบ้านอยู่อาศัย โรงเรียน การค้าขาย ร้านอาหาร และร้านบริการต่างๆเช่นทำผม ซักรีด หากไม่มีนักท่องเที่ยว ร้านค้าต่างๆคงเหงา และเมืองก็จะดูร้างไปมาก การจัดการสำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจึงสำคัญอย่างยิ่ง
เห็นรถม้าพาชมเมืองแอนเวิร์ปชวนให้คิดถึงการนั่งช้างชมโบราณสถานที่ปางช้างแถวกรุงเก่าอยุธยา หรือรถม้าลำปาง ชวนให้คิดถึงช้างเร่ร่อนที่เดินขายกล้วยขายอ้อยให้นักท่องเที่ยวตามข้างถนนในเมืองใหญ่ สำหรับคนต่างชาตินั้นการเห็นช้างเดินบนถนนเป็นสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจยิ่งกว่าคนไทยเห็นรถม้าที่แอนเวิร์ป แต่ครั้นจะให้ขึ้นช้างนั่งบนตั่งที่หลังช้างเลยก็ดูน่ากลัวเกินไปสำหรับคนส่วนใหญ่ที่ไม่อยากเสี่ยงกับความสูงเช่นนั้น หากมีช้างลากรถก็อาจเป็นความคิดที่ไม่เลวจนเกินไป
หากไม่มีรถม้าเพื่อการท่องเที่ยว ม้าและคนเลี้ยงม้าก็จะตกงาน การนำช้างและคนเลี้ยงช้างเข้าสู่วงจรเศรษฐกิจการท่องเที่ยวก็เช่นกัน คือคำตอบหนึ่งในโลกยุคใหม่ที่ทั้งคนและสัตว์ต่างก็ต้องปรับตัวเพื่อการอยู่รอดในระบบเศรษฐกิจแบบเงินตรา แต่คนเลี้ยงช้างนั้นเป็นคนชายขอบของสังคม ไม่มีเสียงไม่มีสิทธิ เทศบาลผู้เป็นตัวแทนการพัฒนาท้องถิ่น จึงควรทำหน้าที่ในการเปิดพื้นที่นี้ ให้เมืองมีพื้นที่หลากหลายสำหรับคนทุกคน เป็นยุทธศาสตร์ที่ win-win สำหรับทุกฝ่าย
Relate topics
- เรื่องเล่าจากเบลเยียม 82: เภสัชวิทยาแห่งดอกดิจิทัลลิส
- เรื่องเล่าจากเบลเยียม 81: ประปาดื่มได้
- เรื่องเล่าจากเบลเยียม 80 : วัวนมกับเกษตรวิถีแห่งโลกตะวันตก
- เรื่องเล่าจากเบลเยียม 79: ทุ่ง rapeseed กับคุณลุงชไมเซอร์
- เรื่องเล่าจากเบลเยียม 78: บรัสเซลส์ เมืองหลวงแห่งยุโรป
- เรื่องเล่าจากเบลเยียม 77 : ประท้วง สิทธิในการแสดงออกที่ต้องขออนุญาต
- เรื่องเล่าจากเบลเยียม 76 : แต่ระบบสวัสดิการสังคมในยุโรปกำลังสั่นคลอน
- เรื่องเล่าจากเบลเยียม 75 : ย่านโคมแดง แข่งแสงจันทร์
- เรื่องเล่าจากเบลเยียม 74 : เวลา นาฬิกา และชีวิตที่ต้องเดินเร็ว
- เรื่องเล่าจากเบลเยียม 73: หลังคาพลังแสงอาทิตย์