สงขลาพอเพียง : เครือข่ายสร้างเสริมสุขภาพจังหวัดสงขลา - Songkhla Health

หนุนเสริมภาคี ประสานความร่วมมือ

1468 items|« First « Prev 6 7 (8/147) 9 10 Next » Last »|
โดย Little Bear on 24 มี.ค. 55 20:04

โดย นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจวันที่ 8 มีนาคมของทุกปีเป็นวันสตรีสากล (international women's day) เป็นวันสำคัญระดับโลกทีเดียว เพื่อนจากจีน เวียดนาม กัมพูชามาทักทายเพราะวันนี้เป็นวันสตรีสากล และเป็นวันหยุดประจำชาติของเขา แต่คนไทยสองคนจากสงขลาและพิษณุโลกต่างทำหน้างง เหมือนจะพอรู้ว่ามีวันสตรีสากล แต่ไม่รู้อะไรมากกว่านี้สักนิดเดียวปีนี้เป็นปีที่ 101 ภายใต้คำขวัญสวยหรูว่า โEmpower women, End hunger and povertyโ คำขวัญนี้ก็เปลี่ยนไปทุกปีเหมือนคำขวัญวันเด็ก แต่ไร้แนวทางการขับเคลื่อนให้เป็นจริง สำหรับประวัติการกำเนิดวันสตรีสากลนั้นชวนสับสนไม่น้อย ทั้งรัสเซีย อเมริกา เยอรมัน ต่างแย่งชิงการนำว่าฉันเป็นผู้เริ่มต้น และขึ้นกับว่าใครเป็นคนเขียนประวัติศาสตร์ส่วนภาพที่แนบมานี้ไม่เกี่ยวกันเลย แต่เป็นอนุส

โดย Little Bear on 24 มี.ค. 55 20:02

โดย นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจในสมัยเรียนมหาวิทยาลัย การเรียกร้องเสรีภาพ เสมอภาคและภราดรภาพยังมีให้ได้ยินอยู่บ้าง แต่จบมาหลังๆจะเหลือแต่เรียกหาประชาธิปไตยมากกว่าเสรีภาพ เรียกหาประสิทธิภาพมากกว่าความเสมอภาค ส่วนภราดรภพนั้นหายไปจากสังคมไทยจนแทบจะไม่มีใครกล่าวถึงSolidarity หรือภราดรภาพ หรือเรียกให้ง่ายขึ้นไปอีกก็คือการเฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยสุข การประกันสังคมหรือการจ่ายภาษีในอัตราก้าวหน้าคือตัวอย่างที่ชัดเจน คนแข็งแรงหรือคนป่วยเรื้อรังหากเงินเดือนเท่ากันก็จ่ายเงินประกันตนในอัตราเท่ากัน คือคนดีช่วยคนเจ็บป่วย คนรวยจ่ายภาษีมาก คนจนจ่ายน้อยทั้งๆที่คนจนได้สิทธิประโยชน์มากกว่า นี่คือการเฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยสุขที่เป็นเสาหลักของอุดมการณ์ทางสังคมของยุโรปที่เริ่มขึ้นจากการกอบกู้ประเทศจากความย่อยยับในสงครามโลกครั้งท

โดย Little Bear on 24 มี.ค. 55 20:02

โดย นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจมนุษย์เงินเดือนทุกคนที่เบลเยียม เกือบทั้งหมดอยู่ในภาคเอกชน ที่เห็นเดินกันขวักไขว่ตามท้องถนนนั้นต้องถูกหักเงินเดือนเข้ากองทุนประกันสังคม 13.07%ของเงินเดือนทุกเดือน และเป็นแบบไม่มีเพดานด้วย ฐานคิดของเขาคือการเฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยสุข รับมากก็ต้องช่วยคนรับน้อย ในขณะที่ของไทยหัก 5% ของเงินเดือน และมีเพดานไม่เกินคนละ 750 บาท เพราะคิดจากฐานเงินเดือนไม่เกิน 15,000 บาท ใครมีเงินเดือนเป็นแสนก็หักเพียง 750 บาท อันนี้ไทยเรายึดหลักความเท่าเทียมรวยจนจ่ายเกือบเท่ากัน เฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยสุขบ้าง เรียกได้ว่าไทยกับเบลเยียมนั้นยืนอยู่บนฐานคิดคนละหลักการกันส่วนนายจ้างที่นี่ต้องสมทบอีก 24.77% หรือเกือบสองเท่าของลูกจ้าง แต่ในประเทศไทยนั้นนายจ้างจ่าย 5% และรัฐบาลสมทบอีก 2.75% คนเบลเยียมนั้นหล

โดย Little Bear on 24 มี.ค. 55 20:00

โดย นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจไชน่าทาวน์มีในเกือบทุกเมืองใหญ่ทั่วโลก ในแอนเวิร์ปก็มีไชน่าทาวน์ ตั้งในทำเลดีตรงข้ามสถานีรถไฟซึ่งเป็นศูนย์กลางการคมนาคมของเมือง ความจริงอาจเรียกว่าเอเชียทาวน์ก็ว่าได้ เพราะมีทั้งร้านจีน ร้านไทย ร้านอินเดีย อยู่ในนี้ซอยเล็กๆซอยนี้ แต่แน่นอนว่าร้านคนจีนและป้ายภาษาจีนถือครองความเป็นส่วนใหญ่ในไชน่าทาวน์ จุดเด่นของไชน่าทาวน์เกือบทุกที่ก็คือซุ้มประตูแบบจีน พร้อมหินสลักรูปสิงโตจีน ที่สร้างยืนสง่าท้าทายกลางอารยธรรมตะวันตก วันตรุษจีนที่นี่มีทั้งการจุดประทัดและการเชิดสิงโต เพื่อรักษาเอกลักษณ์ความเป็นจีนที่ครบทั้งภาษา วัฒนธรรม สถาปัตยกรรมและการค้าขายในซอยนี้มีร้านของคนไทยด้วย ชื่อร้านแสงไทย โดดเด่นไม่แพ้ร้านคนจีน คนขายเป็นคนไทย พูดภาษาไทย เป็นแหล่งชุมนุมของคนไทยที่สำคัญ กระ

โดย Little Bear on 24 มี.ค. 55 20:00

โดย นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจที่ย่านถนนแมร์ (meir) ซึ่งเป็นถนนคนเดินย่านธุรกิจใจกลางเมือง Antwerp ที่ถือว่าเป็นศูนย์กลางการค้าขายของเมือง มีประติมากรรมรูปมือซึ่งเป็นหินขนาดใหญ่ตั้งอยู่ให้เป็นที่ปีนป่ายถ่ายรูปของเด็กๆ มือนี้คือมือของยักษ์ตามตำนานที่ได้ควบคุมการสัญจรของแม่น้ำสแกลท์ หากราไม่จ่ายค่าผ่านทางก็จะถูกตัดมือโยนทิ้งแม่น้ำไป ในที่สุดก็มีทหารกล้าชาวโรมันชื่อ บราโบ (Brabo) ได้ทำการฆ่ายักษ์และตัดมือของยักษ์สำเร็จ จุดที่มือที่ถูกโยนทิ้งตกน้ันในเวลาต่อมาได้กลายเป็นเมืองแอนเวิร์ปขึ้นมา อันนี้คือตำนานมือที่มองเห็นและจับต้องได้อย่างชัดเจนแต่มือที่มองไม่เห็นนี่สิน่าสนใจไม่แพ้กัน นั่นคือ invisible hand ของอดัม สมิธ นักเศรษฐศาสตร์ชาวสก็อตที่มีชีวิตเมื่อราวกว่า 200 ปีก่อน ซึ่งเป็นแนวคิดเศรษฐศาสตร์เ

โดย Little Bear on 24 มี.ค. 55 19:59

โดย นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจสังคมเบลเยียมและทุกประเทศในยุโรปได้เข้าสู่สังคมชราภาพแล้ว กล่าวคือสัดส่วนของผู้สูงอายุนั้นสูงมากขึ้นเรื่อยๆและเด็กน้อยลงมาก ที่นี่ผู้ที่มีอายุเกิน 65 ปี มีสัดส่วนสูงถึง 18% แต่ของไทยอยู่ที่ 9.2% ในขณะที่เด็ก 0-14 ปีของเบลเยียมมีสัดส่วน 15.9% ส่วนไทยสัดส่วนสูงกว่าคือ 19.9% ประชากรที่นี่มี 11 ล้านคน ในวันนี้ทุกๆ 5 คนที่เดินผ่านเรานั้น เป็นผู้สูงอายุ 1 คน และอนาคตสัดส่วนผู้สูงอรยุจะเพิ่มเป็นเท่าตัว ภาระของสังคมในการดูแลผู้สูงอายุจะมากมายขนาดไหนเบลเยียมและยุโรปตะวันตกทุกประเทศเป็นสังคมรัฐสวัสดิการ ตอนหนุ่มสาวทำงานเสียภาษีมากมายเพื่อให้ได้มากินบำนาญในยามชรา บ้านพักคนชราจึงเป็นอีกหนึ่งความจำเป็นของคนที่นี่ และยิ่งที่นี่ลูกหลานทำงานไกลและมักไม่ได้พักร่วมกับพ่อแม่ ดังนั้

โดย Little Bear on 24 มี.ค. 55 19:55

โดย นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจเมืองแอนเวิร์ปเป็นเมืองท่าที่สำคัญของเบลเยียม เพราะมีท่าเรือขนาดใหญ่เชื่อมต่อต่างประเทศ และมีรถไฟเชื่อมต่อในภาคพื้นยุโรป สถานีรถไฟ Antwerp Central ที่เห็นอย่างอลังการในภาพนี้สร้างขึ้นในระหว่างปี 1895-1905 เพื่อทดแทนอาคารหลังเดิม สถานีรถไฟแห่งนี้มีชื่อเล่นว่า "Railway Cathedral" หรือสถานีมหาวิหารประมาณนั้น เพราะสร้างในลักษณะคล้ายมหาวิหารของยุโรป คือใหญ่โตและประดิดประดอยตกแต่งราวกับมหาวิหาร หากคนมาใหม่และไม่เคยรู้จักมาก่อน เกือบทั้งร้อยต้องคิดว่าเป็นมหาวิหารอย่างแน่นอน สถานีนี้มีรางรถไฟที่วางทั้งบนดินและใต้ดินลึกลงไปรวมเป็น 4 ชั้น 24 ชานชาลา ชั้นที่ 4 ซึ่งเป็นชั้นล่างสุดเพิ่งขุดใหม่และเปิดใช้ปี คศ. 2007 นี่เอง เพื่อรองรับรถไฟหัวจรวดที่เชื่อมยุโรปเข้าด้วยกัน ใจกลางเมื

โดย Little Bear on 24 มี.ค. 55 19:55

โดย นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจเราจะพบเห็นผู้คนจูงสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะสุนัขตามท้องถนนอยู่บ่อยครั้ง ที่นี่กลายเป็นสังคมสูงอายุไปแล้ว คนหนุ่มสาวแยกย้ายทำงาน อีกทั้งยังแยกบ้านกับพ่อแม่โดยเด็ดขาดด้วย เราจึงเห็นคนวัยกลางคนและค่อนสูงอายุเลี้ยงสุนัขพาออกเดินเล่นตามฟุตบาทได้ทุกวัน แม้หน้าหนาวหิมะตกแต่สุนัขก็มีเสื้อหนาวใส่ออกมาเดินเล่นพร้อมเจ้าของการจะเป็นเจ้าของสุนัขที่นี่เป็นเรื่องใหญ่พอสมควร หลังจากซื้อจากฟาร์มเพาะสุนัข ก็ต้องนำสุนัขไปขึ้นทะเบียนกับหน่วยงานรัฐ โดยสัตวแพทย์จะช่วยจัดการให้ ต้องฝังไมโครชิป(microchip)ที่ได้มาตรฐาน ISO ด้วย เพื่อระบุประวัติต่างๆ ระบุสายพันธุ์ รวมทั้งระบุตัวเจ้าของ สุนัขและแมวต้องฉีดวัคซีนกันโรคพิษสุนัขบ้าทุกปี ส่วนใหญ่จะถูกทำหมันเพื่อป้องกันการท้องอันเจ้าของไม่พึงประสงค์

โดย Little Bear on 24 มี.ค. 55 19:52

โดย นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจรถรางเป็นระบบขนส่งที่มีสำคัญและเป็นเสน่ห์ของเมืองใหญ่ในยุโรป ให้ความรู้สึกเหมือนการได้นั่งรถไฟที่วิ่งกลางถนน ซึ่งให้ความรู้สึกดีกว่าการนั่งรถบัสมากๆ ที่เมือง Antwerp เริ่มมีระบบรถรางในปี 1873 โดยเป็นรถรางที่ใช้ม้าลาก หลังจากนั้นอีกถึง 30 ปีคือในปี 1902 หลังจากวางระบบสายไฟฟ้าเสร็จ จึงเริ่มระบบรถรางไฟฟ้าจนถึงปัจจุบัน ใช้กระแสไฟฟ้า 600 โวลท์เป็นพลังงาน รถรางที่นี่ส่วนใหญ่วิ่งบนดิน มีเพียงบางส่วนระยะทางสั้นๆที่วิ่งใต้ดิน การวิ่งไปตามท้องถนนจึงไม่ได้วิ่งเร็วเหมือนรถไฟใต้ดิน ต้องติดไฟแดง ต้องใช้ถนนร่วมกับรถยนต์ แต่ก็ถือว่าเป็นเจ้าถนนที่รถอื่นๆต้องเกรงใจราคาตั๋วเดินทางใบละ 1.2 ยูโร ราวๆ 50 บาทครับต่อครั้ง (คิดอัตราแลกเปลี่ยน 40 บาท/ยูโร) ซึ่งถือว่าแพง หากเป็นตั๋วใบเดียว

โดย Little Bear on 24 มี.ค. 55 19:50

โดย นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจกังหันลมเป็นประดิษฐกรรมภูมิปัญญาท้องถิ่นของคนยุโรป ไม่ได้มีแต่เฉพาะในเนเธอร์แลนด์ เชื่อว่าก่อนยุคจักรกลไอน้ำ ในยุโรปมีกังหันลมเป็นแสนตัวในทุกชุมชน แต่ก็ผุพังเสื่อมสลายไปตามกาลเวลา วัตถุประสงค์ดั้งเดิมของกังหันลมนั้นมีไว้เป็นโรงโม่แป้งด้วยพลังงานลม เมื่อลมพัดกังหันหมุน เฟืองที่ต่อกับโม่หินก็จะหมุนบดกับหินอีกก้อนทำให้ข้าวสาลีถูกบดเป็นแป้ง เพื่อนำมาทำขนมปัง กังหันลมมีคานและระบบตอม่อที่สามารถหมุนตัวกังหันได้ด้วยแรงคน ผู้ชายที่แข็งแรงเพียงคนเดียวสามารถยกหางเสือของคานเพื่อหันกังหันลมให้ไปในทิศทางที่รับลมได้ นอกจากกังหันลมแล้ว ในพื้นที่ที่มีแม่น้ำลำธาร กังหันน้ำก็มีหน้าที่ในลักษณะเดียวกัน เพื่อใช้พลังธรรมชาติในการทุ่นแรงโม่แป้ง กังหันลมในสมัยโบราณจึงเป็นสมบัติของคนมีฐานะใ

1468 items|« First « Prev 6 7 (8/147) 9 10 Next » Last »|