สงขลาพอเพียง : เครือข่ายสร้างเสริมสุขภาพจังหวัดสงขลา - Songkhla Health

บ.อาหารออสซี่ตกลงไม่เข็นโฆษณาอาหารขยะล่อใจเด็ก โดย ผู้จัดการออนไลน์ 3 พฤศจิกายน 2551 13:47 น.

      บรรดาร้านอาหารในออสเตรเลีย รวมไปถึงโรงงานผลิตอาหารและเครื่องดื่มมีความเห็นตรงกันว่า จะไม่โฆษณาอาหารขยะหรือ Junk food ในช่วงเวลาที่มีรายการสำหรับเด็ก หลังจากที่เด็กในประเทศออสเตรเลียมีอัตราสูงมากที่ประสบปัญหาโรคอ้วน
      อาสาสมัครที่เข้าร่วมการประชุมระหว่างร้านขายของชำและร้านอาหาร ในออสเตรเลียได้ระบุว่า จากการประชุมในครั้งนี้ได้มีความเห็นตรงกันในเรื่องของการโฆษณาสินค้าบริโภค ซึ่งแต่ละบริษัทที่เจาะกลุ่มลูกค้าเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 12 ปีนั้นต้องโฆษณาอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ
      อย่างไรก็ดี ข้อตกลงระหว่างการประชุมในครั้งนี้ ได้ลงความเห็นในเรื่องของการควบคุมโฆษณาชวนเชื่อซึ่งมีผลกับเด็กโดยตรง ในขณะที่บริษัทสำรวจยอดขายต่างๆกว่า 150 แห่งในออสเตรเลียเผยว่า ยอดขายอาหารประเภทJunk food และเครื่องดื่มในประเทศมีตัวเลขสูงถึง80% ซึ่งยังไม่รวมยอดขายแฮมเบอร์เกอร์ของแมคโดนัลด์และเคเอฟซี
      การประชุมในครั้งนี้ ได้เผยถึงกฎข้อใหม่ ซึ่งจะมีผลกับสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น โทรทัศน์ วิทยุ โปสเตอร์ ภาพยนตร์ อินเตอร์เน็ท ที่เป็นสื่อเพื่อการโฆษณา ว่า รวมไปถึงตัวการ์ตูนที่ได้รับการอนุญาตและมีประโยชน์กับเด็กๆอีกด้วย
      คุณเคท คาแนล ผู้บริหารในการประชุมครั้งนี้กล่าวว่า ความคิดริเริ่มนี้ได้เกิดขึ้นเมื่อ เรามีจุดมุ่งหมายในการเสนออาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพในช่วงระหว่างเวลา รายการสำหรับเด็ก หรือที่เรียกกันว่า “ไพรม์ ไทม์” นั่นเอง
      ทั้งนี้ กฎที่ออกโดยกลุ่มคนเอกชนเอง หลังจากที่รัฐบาลเป็นฝ่ายแนะนำแนวทางนี้มาโดยตลอด ซึ่งทางสภาในหลายๆรัฐ ได้มีการแนะนำกฎหมายที่เข้มงวด โดยโฆษณาอาหารขยะที่มุ่งเป้าไปยังเด็กๆ เพราะว่าเขากำลังมีความพยามให้เด็กลดความอ้วน หลังจากที่มีเด็กหลายคนมีน้ำหนักเกินมาตรฐาน
      คุณคาแนล กล่าวว่า ข้อกฎหมายดังกล่าว จะเริ่มมีผลเริ่มต้นใช้ในปีหน้าที่จะถึงนี้ ผู้ตรวจสอบอิสระ จะทำหน้าที่ถูกตรวจสอบและดูแล ซึ่งมันจะได้ผลกว่า กฏหมายใหม่
      รายงาน ครั้งนี้กล่าวโดย Baker Heart Institute ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งพบว่า จากการสำรวจประชากรในประเทศออสเตรเลีย มีคนที่เป็นโรคอ้วนหรือมีน้ำหนักเกินเกณฑ์ตามมาตรฐานแล้ว 9 ล้านคนจากประชากรทั้งหมด 21ล้านคน จึงโรคอ้วนเป็นสาเหตุหลักที่จะกลายเป็นปัญหาสุขภาพในอนาคต

      เรียบเรียงจาก เอเอฟพี