เทคโนโลยี
เมื่อไม่กี่ปีมานี่เองคนไทย(รุ่นผม/แก่กว่าผม)ได้รู้จักกับ"คอมพิวเตอร์"ตัวจริงซึ่งแต่ก่อนเห็นจากดูหนังฝรั่งประเภทนักสืบก็รู้สึกตื่นเต้นมากเมื่อมาเห็นตอนนั้นลูกชายผม
เรียนอยู่ชั้นมัธยมต้น โรงเรียนเขาก็ได้เครื่องคอมพิวเตอร์จากกระทรวงศึกษาธิการมา ( สมัยท่านสุขวิทย์ เป็นรมต.กระทรวงศึกษาฯ) โรงเรียนก็นำเครื่องคอมฯไปไว้ในห้องที่เรียก ว่าห้องคอมพิวเตอร์ ให้นักเรียนใช้เรียนภาษาอังกฤษ และสอนการใช้คอมพิวเตอร์ให้นักเรียนด้วยส่วนคุณครูก็ส่งไปอบรมความรู้เกี่ยวกับการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์กันคนละ ๑๐ วันบ้าง๑๕วันบ้างเมื่อลูกชายเรียนมัธยมศึกษาปีที่๖ก็เลยกัดฟันซื้อไว้ให้ลูกชายเครื่องหนึ่งแบบPC(ตั้งโต๊ะ)แถมส่งลูกให้ไปเรียนเพิ่มเติมอีกด้วยผมกับภรรยาไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์เลย วันนั้นลูกชายเขาเปิดเคริ่องใช้พิมพ์ราบงานค้างอยู่เขาออกไปธุระข้างนอกโดยไม่ได้ปิดเครื่องพอดีฝนตกหนักฟ้าคนองด้วยผมกลัวเคริ่องจะเสียก็เลยไปปิดเครื่องโดยวิธีของผม
พอลูกชายกลับมาถึงก็ถามผมว่าใครปิดเครื่อง....ผมก็ตอบว่าพ่อปิดเอง.....ลูกชายถามผมว่าพ่อ"ชัตดาวน์"เป็นเหรอ...ผมบอกว่าผมใช้วิธี "ชัตดึง" คือดึงสายไฟที่เสียบปลั๊กออก ตั้งแต่วันนั้นมาที่หน้าประตูห้องลูกชายมีป้ายเขียนติดไว้ว่า้ "ห้องปลอดพ่อปลอดแม่"
จากนั้นผมกับภรรยาก็ตกลงใจกันว่าจะไปเรียนใช้คอมพิวเตอร์ให้เป็น เพราะที่บ้านมีเครื่องคอมพิวเตอร์แล้ว เลยชวนกันไปสมัครเรียนที่โรงเรียนในตัวเมืองหาดใหญ่
แต่ก็ไม่ได้เรียนเพราะคนที่มาเรียนเป็นเด็กๆทั้งนั้น เด็กดูหน้าเอาแล้วถามว่าลุงกะป้ามาทำอะไรเหรอ....... อายเด็กมันไม่เรียนไม่เรินมันแล้ว แต่โอกาสก็มาถึงคือมีครูรุ่นเดียวกับผม
บ้าง กับภรรยาบ้าง (พวกที่ไม่เป็นคอมพิวเตอร์ทั้งหลาย) ประมาณ ๒๐ คนได้มาปรึกษากันก่อนโรงเรียนปิดเทอมปลายว่าตอนปิดเทอมพวกเราต้องไปเรียนคอมพิวเตอร์พร้อมกันสัก
ที่หนึ่ง พอดีก็ได้ไปติดต่อที่วิทยาลัยสารพัดช่างหลวงประธานราษฎร์นิกร แผนกคอมพิวเตอร์อาจารย์เขาก็รับสอนให้ ก็ได้ไปเรียนกันในช่วงนั้นเอง แต่ก่อนเรียนต้องตกลงกับผู้
สอนว่า ต้องสอนช้าๆ เพราะถ้าสอนเร็วไม่ทัน ๒๐ กว่าวันก็เป็นกันพอสมควร.... Windows 98 ทันสมัยที่สุดในยุคนั้น ป้ายหน้าห้องลูกชายถูกปลด..........
ในช่วงนั้นรัฐได้ส่งเสริมเรื่อง "อีเมล" โดยให้ อบต.ทุกๆ อบต. ได้ใช้ อีเมลบริการเรื่องข่าวสารให้ประชาชน มียายแก่คนหนึ่งนั่งคุยอยู่กับลูกหลานอยู่ใต้ถุนบ้าน มี หลานของแกคนหนึ่งพูดว่า "เราไปก่อนนะเดียว อบต.จะปิด จะไปส่งข่าวให้อีหนูสักหน่อย"...ยายก็ถามว่า "มึงฝากส่งข่าวไปกับใครละที่ใน อบต.นั่น"...."อ๋อ..! ส่งกับ "อีเมล"ค่ะ... "แล้ว "อีเมล" มันลูกสาวใคร....บ้านมันอยู่แถวไหน....กูเพิ่งจะได้ยินชื่อนี่แหละ".... ยายถาม......หลานๆก็หัวเราะกันครืน......ยายก็ว่า "หัวเราะกูทำไมกูถามดีๆ..อีพวกนี่"......ฮึ! แล้วยายก็เดินขึ้นเรือนไปด้วยความโมโห....เป็นอันว่าผมกับภรรยาก็ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานได้ตั้งแต่บัดนั้นมาจนบัดนี้ แต่ผมก้าวหน้ากว่าภรรยามาก เพราะผมได้หาความรู้ เพิ่มเติมจากตำหรับตำราคอมพิวเตอร์และฝึกฝนอยู่ประจำ แม้กระทั่ง Windows ใหม่ๆผมสามารถใช้เป็น รวมไปถึงการทำเวบไซด์ ฯลฯ
วันหนึ่งหลังจากโรงเรียนเลิกแล้ว ผมนั่งทำงานอยู่หน้าเครื่องคอมพิวเตอร์ใกล้โต๊ะทำงาน มีผู้ปกครองนักเรียนคนหนึ่งเดินเข้ามานั่งดูผมทำงาน แล้วแก่ก็ถามผมว่า "โรงเรียนสอนคอมพิวเตอร์เด็กทำไมล่ะครู" ผมตอบว่า "มันเป็นนโยบายทางการศึกษา เขาต้องการให้เด็กเรียนรู้การใช้เทคโนโลยี โดยเฉพาะคอมพิวเตอร์ซึ่งสามรถใช้ทำงาน ใช้ติดต่อสื่อสารได้กว้างไกล"....."แต่....ผมว่ามันไม่ดีเท่าไหร่นะครู"...."ผมเห็นเด็กข้างบ้านผมมันหายหัวไปยกๆวัน ไม่ช่วยทำงานบ้านให้พ่อแม่เลย....แม่มันถามมันบอกว่าไป เล่นเกมคอมพิวเตอร์ที่ร้านเกม แถมเสียเงินด้วย"....เขาย้อนผม..."เดี๋ยวก่อนคุณ....ฟังผมสักนิดหนึ่ง.....คุณว่าไฟฟ้านี่มันมีประโยชน์ไหมล่ะ"...ผมถาม..."มีประโยชน์มากครับ ถ้าไฟฟ้าดับวันไหนมันเซ็งสุดๆเชียวครู"...เขาตอบ....แล้วไฟฟ้ามีโทษบ้างไหมล่ะ"...,ผมถามต่อ ...."มีครับครู อย่างน้อยก็ช้อตคนตาย หรือทำให้ไฟไหม้บ้านได้ครับ"........... "ของทุกอย่างมันมีทั้งประโยชน์ ทั้งโทษ คนที่ฉลาดย่อมเลือกในส่วนที่เป็นประโยชน์มาใช้ ส่วนที่เป็นโทษก็ไม่นำมาใช้....เรื่องคอมพิวเตอร์ก็เหมือนกันประโยชน์มันมีมากนัก แต่นั่นแหละทางที่เป็นโทษมันก็มีมาก เหมือนกับเด็กข้างบ้านคุณ ไม่นำประโยชน์ของคอมพิวเตอร์มาใช้"......"เรื่องการสื่อสารโดยใช้คอมพิวเตอร์ในระบบอีเมล หรือระบบของ Internet ทำให้สามารถสื่อสารกันรวดเร็ว ทำโลกของข่าวสารไร้พรมแดน...คุณดูซิ มวยชิงแชมป์โลก เขาต่อยกันในประเทศอเมริกา เราอยู่เมืองไทยได้ดูพร้อมกับพวกที่เข้าไป ดูในสนามมวย....นี่แหละคือความรวดเร็วของการสื่อสาร....แต่นั่นแหละมันก็มีโทษมหันต์ เช่นเกิดเป็นคดีหลอกลวงของพวกมิจฉาชีพ โดยใช้การสื่อสารทาง Internet หรือพวก วัยรุ่นใช้สื่สารกันระหว่างหญิงชาย ...เกิดคดีหลอกไปข่มขืนกันทำนองนี้เคยเห็นใช่ไหมครับในข่าวทางหนังสือพิมพ์ หรือทางโทรทัศน์...... นี่แสดงว่าเขานำระบบการสื่อสารทาง คอมพิวเตอร์มาใช้ในทางที่ผิด..ใช่ไหมครับ"........"ครับครู...ผมเพิ่งจะเข้าใจเรื่องการใช้คอมพิวเตอร์เพราะได้คุยกับครูในวันนี้แหละครับ....จริงเหมือนครูว่า..ของทุกอย่างมันมี ประโยชน์ แล้วก็มีโทษด้วย.....ถ้าเราใช้ไม่เป็นหรือไม่ถูกต้องก็จะเป็นโทษ"...."แล้วบางทีก็ตกเป็นทาสของ"เทคโนโลยี"ด้วย จริงไหม"........ ผมต่อท้าย........
Relate topics
- 9 เทคนิคใส่ “บรา” ให้หน้าอกสวย !
- บูชาครู
- น้ำมันพืชกับชีวิตประจำวัน
- อวยพรปีใหม่
- วันขึ้นปีใหม่
- รับตรวจสอบเครนและออกแบบเครื่องจักร(หาดใหญ่)
- ธรรมะดีๆ จากองค์ในหลวง (สำหรับผู้ท้อแท้จากการทำงาน)
- รับสมัครตัวแทนจำหน่ายเห็ด ท่านใดสนใจติดต่อเข้ามาได้เลย
- ชาวสงขลาโดนใจ “คอนเสิร์ตคนไทยหัวใจยิ้ม”
- ดนตรีกระตุ้นพัฒนการสมองเด็กด้วยเสียงโลมาฯลฯ